น้ำพุเจ็ดสี
น้ำแร่ ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนต พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วไหลเป็นลำธาร รวมตัวกันเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีพื้นดินที่ใต้ลำธารแข็งสีขาวเป็น สามารถเดินไปตามหินและพื้นดินที่เป็นน้ำตกได้ไม่รื่นเหมือนน้ำตกอื่น ๆ แต่ไม่แนะนำให้ปีนป่าย
วนอุทยานน้ำตกบัวตองและน้ำพุเจ็ดสี
เป็นน้ำแร่ ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนต พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วไหลเป็นลำธาร รวมตัวกันเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีพื้นดินที่ใต้ลำธารแข็งสีขาวเป็น สามารถเดินไปตามหินและพื้นดินที่เป็นน้ำตกได้ไม่รื่นเหมือนน้ำตกอื่น ๆ แต่ไม่แนะนำให้ปีนป่าย
สถานที่ตั้ง
ตั้งอยู่บริเวณแยกกิโลเมตรที่ 42 สายเชียงใหม่ – พร้าว ตำบลหอพระ อำเภอแม่แตง อยู่ในท้องที่หมู่ที่ 8 ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่า แม่แตง บริเวณน้ำตกบัวตองและน้ำพุเจ็ดสี มีสภาพป่าสมบูรณ์และร่มรื่น มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นป่าดิบชื้นและป่าเบญจพรรณ ลักษณะทั่วไปเป็นพื้นที่ราบและหุบเขาคล้ายกับกะทะใกล้กับน้ำตก มีจุดชมวิวที่สวยงามและมีส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ราบสามารถจัดตั้งเป็นแคมป์ไฟ หรือ ลานจอดรถ สำหรับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
สถานที่ท่องเที่ยวของวนอุทยานน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสีแบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือในส่วนของน้ำพุเจ็ดสี และ น้ำตกบัวตอง มี 3 ชั้น
น้ำตกบัวตอง ชั้นที่ 1
เมื่อมาถึงลานจอดรถของ วนอุทยานน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี เดินตรงเข้าไปก็จะพบกับน้ำตกบัวตอง ชั้นที่ 1 ซึ่งที่ตรงนี้จะมีน้ำใหลลงมาจากน้ำพุเจ็ดสี ใหลผ่านบริเวณลานชั้นที่ 1 เป็นน้ำตกขนาดเล็กก่อนจะใหลลงไปจากหน้าผากลายเป็นน้ำตกบัวตองชั้นที่ 2 บริเวณนี้คนค่อนข้างเยอะหน่อยเพราะไม่ต้องเดินขึ้นหรือเดินลงให้ต้อง เหนื่อย มีร้านค้าสวัสดิการให้บริการ และห้องน้ำ บริเวณชั้นนี้จะมีล้านกว้างเหมาะแก่การปูเสื่อนั่งเล่น
เมื่อเดินผ่านน้ำตกบัวตองชั้นที่ 1 ขึ้นไปอีกประมาณ 150 เมตร จะพบกับน้ำพุเจ็ดสี มีลักษณะเป็นบ่อน้ำที่มีน้ำใหลออกมาจากพื้นดิน น้ำมีลักษณะใส สังเกตุดีๆ จะมีปลาตัวเล็กๆ แหวกว่ายอยู่ บริเวณนี้ไม่ค่อมมีคนนั่งเล่นมากนัก ส่วนมากจะเดินมาดูน้ำพุเจ็ดสีเฉยๆ แล้วก็เดินกลับไปนั่งเล่นที่น้ำตก บัวตองชั้นที่ 1
น้ำตกบัวตอง ชั้นที่ 2
ชั้นที่สองนี้ต้องเดินด้วยเท้าลงไปอีกจากน้ำตกบัวตองชั้นที่ 1 ระทางเดินลงไปอีก ประมาณ 80 เมตร จะลาน มองผ่านต้นไม้ขึ้นไปจะเห็นน้ำตกใหลลงมาตามโขดหินสูงประมาณ 30 เมตร น้ำใหลผ่านหินที่ถูกปกคลุมด้วยหินปูนสีขาวลงมาเป็นละอองสีขาวสวยงามมากเลยที เดียว
น้ำตกบัวตอง ชั้นที่ 3
กุหลาบขาวหิมาลัย Unseen CM.
เป็นดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานบนภูเขาสูง ลักษณะมีกลีบสีขาวอมชมพูบอบบาง กำเนิดอยู่บนยอดเขาหินปูนสูง ประมาณ 2,100 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีถิ่นกำเนิดเดิม คือ บนเทือกเขาหิมาลัย แต่เบ่งบานอยู่บนภูเขาในประเทศไทย
ถิ่นกำเนิดกุหลาบขาว
บนดอยเชียงดาว มีความสูง 2,100 เมตร จากระดับน้ำทะเล และมีความสูงเป็น อันดับ 3 ของภูเขาในประเทศไทย ดอยเชียงดาวจึงกลายเป็นผาตระหง่านที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้บุกบั่นขึ้นไปสัมผัสความสูงและหนาวเย็น แม้เพียงสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อาจจะได้พบทะเลหมอกอันงดงามได้ในทุกเช้าตรู่ และเฝ้าคอยชมพระอาทิตย์ตกดินลับเหลี่ยมเขาดอยสามพี่น้องในยามเย็น ดอยเชียงดาว ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นภูเขาหินปูนลูกเดี่ยวที่สูงที่สุดในสยาม การที่มีอากาศหนาวเย็นจึงทำให้เกิดพรรณไม้นานาชนิด และยังมีแหล่งท่องเทียวใกล้เคียง ได้แก่ ถ้ำเชียงดาว ดอยอ่างขาง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมพันธ์ไม้บนดอยเชียงดาว คือ หลังฤดูฝน ประมาณเดือนตุลาคมเป็นต้นไป จนถึงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน เป็นช่วง วัน เวลา ที่กุหลาบขาวเชียงดาวออกดอกสะพรั่ง
การเดินทาง
เดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-ฝาง ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 71-72 แยกซ้ายที่บ้านแม่นะ สู่หน่วยพิทักษ์ป่าเด่นหญ้าขัด จากนั้นต้องเดินเท้าอีก 5-7ชั่วโมง ขึ้นสู่ดอยเชียงดาว
เวียงท่ากาน...เมืองโบราณพันปี
"เวียงท่ากาน" นามนี้เพิ่งเป็นที่รู้จักกันเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น บางท่านอาจจะคุ้นเคยกับเวียงกุมกามซึ่งเป็นเมืองเก่าของเมืองเชียงใหม่ แต่เวียงท่ากานที่ค้นพบนี้เก่าแก่กว่าเวียงกุมกามมากทีเดียว
เวียงท่ากาน เป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านของอาณาจักรหริภุญชัยหรือลำพูนนั่นเอง เวียงท่ากาน เป็นเมืองโบราณที่มีกำแพงเมืองและคูเมืองล้อมรอบ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง ๕๐๐ X ๗๐๐ เมตร ตั้งอยู่ที่ บ้านท่ากานตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
โบราณสถานเวียงท่ากาน เมืองโบราณสถานแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ พบวัตถุโบราณในหลายๆที่ และบางแห่งยังพบโครงกระดูกโบราณอีกด้วยสถานที่น่าสนใจส่วนใหญ่เป็นซากของวัดโบราณที่สร้างในสมัยนั้น สันนิษฐานว่าสร้างประมาณพุทธศตวรรษที่13 ในสมัยหริภุญชัย มีผู้ปกครองเป็นพระเจ้าอาทิตยราชครองเมืองและสืบต่อมาจนถึงสมัยของพญามังรายช่วงก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่
การเดินทาง
เวียงโบราณเวียงท่ากาน ตั้งอยู่ใน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มต้นเดินทางออกจาก อำเภอเมือง ไปทางทิศใต้ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108(เชียงใหม่-ฮอด) ผ่านอำเภอหางดง ผ่านตัวอำเภอสันป่าตอง ไปถึงบ้านทุ่งเสี้ยว ตำบลบ้านกลาง จากจุดนี้ ใช้ระยะเดินทางจาก อำเภอเมือง ประมาณ 26 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตรงบริเวณสี่แยกตลาดทุ่งเสี้ยว เดินทางเข้าไปอีก ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดท่ากาน ด้านหน้าจะมีศูนย์ข้อมูลเวียงท่ากาน ซึ่งที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียวสำหรับเที่ยวเวียงท่ากาน
น้ำตกวชิรธาร
ความงดงามแห่งสายน้ำ ที่ตกดิ่งลงจากผา สูง 750 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ทำให้มีละอองน้ำจะสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ทำให้รู้สึกได้ถึงความเย็นและชุ่มชื้น
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมมีชื่อว่า “ ตาดฆ้องโยง” อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 750 เมตร เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย น้ำตกวชิรธารอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ น้ำตกวชิรธารเกิดจากลำห้วยแม่กลาง ที่มีต้นกำเนิดอยู่บนยอดดอยอินทนนท์ น้ำตกวชิรธารเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมีหน้าผาสูง ตัวน้ำตกมี 1 ชั้น น้ำเบื้องบนไหลลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ด้วยความสูงของน้ำตกถึง 70 เมตร น้ำที่ตกลงมาทำให้เกิดเป็นละอองน้ำที่ซัดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ เมื่อต้องกับแสงพระอาทิตย์ทำให้เกิดปรากฎการณ์รุ้งกินน้ำน้ำตกวชิรธารแห่งนี้ได้บ่อยครั้ง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลกและสรรค์สร้างให้น้ำตกแห่งนี้มีความสวยงามมากขึ้นไปอีก บริเวณโดยรอบน้ำตกวชิรธารจะมีจุดชมความสวยงามของน้ำตก และเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ที่ทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ได้ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมายัง ตัวน้ำตกได้สะดวก การเดินทางจากเชิงดอยอินทนนท์ขึ้นไปถึงกิโลเมตรที่ 21 จะเห็นป้ายบอกทางแยกขวาเข้าน้ำตก เดินทางเข้าไปอีก ประมาณ 500 เมตร อีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางเดิมอยู่เลยจาก ทางแยกแรกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามป้ายและเดินจากลานจอดรถ ลงไปอีก 351 เมตร หากใช้เส้นทางนี้จะได้สัมผัสกับงามของธรรมชาติรอบด้านตลอดทางเดิน
การเดินทางไปน้ำตกวชิรธาร จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-จอมทอง) ก่อนถึงอำเภอจอมทองเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 1009(จอมทอง-ยอดดอย)ถึงกิโลเมตรที่ 20.8 มีทางลาดยางเข้าไปถึงน้ำตกชิระธารระยะทาง 500 เมตร
เวียงกุมกาม Unseen CM.
เวียงกุมกาม เมืองโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน ด้วยตะกอนของน้ำที่ไหลมาท่วมครั้งใหญ่ในสมัยโบราน เมื่อถึงกาลเวลาแห่งการค้มพบ เรื่องราวของเมืองแห่งนี้ได้นำมาเปิดเผย แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีต จึงนับได้ว่าเป็น Unseen อีกอย่างหนึ่งของล้านนาไทย
เวียงกุมกาม เป็นเมืองโบราณที่พญามังราย (พ่อขุนเม็งราย) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 มีคูเวียงอยู่ 4 ด้านเพื่อไขแม่น้ำปิงให้ขังไว้ในคูเมือง จากการสำรวจพบว่ามีโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในเวียงกุมกาม และใกล้เคียง 20 แห่ง ทั้งที่เป็นซากโบราณสถาน และเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ วัดเจดีย์เหลี่ยม วัดช้างค้ำ วัดน้อย วัดปู่เปี้ย วัดกู่ขาว วัดอีก้าง วัดหัวหนอง และ วัดปู่ซ้ง
ปัจจุบันเวียงกุมกาม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ต.ท่าวังตาล อ.สารภี ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเชียงใหม่ ประมาณกิโลเมตรที่ 3-4 ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่-ลำพูน) ในเขตตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี และอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำปิงด้านทิศตะวันออก การเดินทาง เข้าทางตู้ยามหนองหอยและตรงมาจนทะลุแยกเกาะกลางป่ากล้วยตรงต่อไปจนถึงตู้ยามเจดีย์เหลี่ยม
การเที่ยวชมเวียงกุมภาม สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี มีช้าง และรถบริการให้เที่ยวชมเมืองเก่า ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์ ของ อบต. ให้เช่าชม
โดยสามารถเดินทางไปตามถนนเชียงใหม่ - ลำพูน จากแยกดอนจั่น ตรงมาทางสนามบิน เลี้ยวซ้ายไปวันศรีบุญเรือง มีป้ายบอกทางชัดเจน
ทิวลิปบานที่ดอยผาแดง
จาก ดอยอ่างขาง มาประมาณ 20 กิโลเมตร จะเห็นจุดชมวิวริมเส้นทาง เหมาะแก่การจอดพักรถ มีบริการห้องน้ำ และสามารถชมทิวทัศน์ดอยผาแดง และซื้อหาอาหาร สินค้าชุมชนมากมายซึ่งนำมาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว
ในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม ทางอำเภอไชยปราการได้นำหัวพันธุ์ทิวลิปจากฮอลแลนด์มาเพาะปลูกที่ดอยผาแดงกว่าสองหมื่นหัว ซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงท่ามกลางหุบเขา แปลงปลูกทิวลิปอยู่ถัดจากจุดชมวิวไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร มีทิวลิปหลากสีสันถึง 6 สี คือ สีแดง สีเหลือง สีขาว สีม่วง สีชมพู และสีส้ม โดยมีการจัดงานในช่วงต้นเดือนมกราคม แต่หลังจัดงานทิวลิปยังมีความงดงามอยู่จึงยังเปิดให้เข้าชมอยู่จนกว่าจะร่วงโรย
การเดินทางไปชมดอกทิวลิปบาน ที่ อำเภอไชยปราการ ใช้เส้นทางสาย เชียงใหม่-ฝาง จากนั้นใช้เส้นทางดอยอ่างขาง–ผาแดง โดยแปลงปลูกดอกไม้จะห่างจากที่ว่าการอำเภอไชยปราการ ไปประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนี้สามารถใช้เป็นเส้นทางผ่านไปเที่ยวดอยอ่างขางได้ด้วย
บ่อน้ำพุร้อนฝาง
ขุมพลังธรรมชาติใต้พิภพ ที่ได้ปลดปล่อยโพยพุ่งออกมาเป็นน้ำพุร้อน ด้วยอุณหภูมิของน้ำร้อนในแต่ละบ่อตั้งแต่ 30-80 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งกิจกรรมการต้มไข่ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบ่อน้ำพุร้อน การชมน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ซึ่งพุ่งขึ้นสูงประมาณ 30 เมตร กิจกรรมการอบตัว อาบน้ำแร่ การแช่เท้าหรือแม้กระทั่งการนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์บ่อน้ำพุร้อน
บ่อน้ำพุร้อนในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ใครมาเที่ยวอำเภอฝางไม่ควรพลาด ด้วยน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีความร้อนสูงถึง 100 องศาเซลเซียส แต่บ่อน้ำพุร้อนโดยทั่วไปในบริเวณอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 30 – 80 องศาเซลเซียส ซึ่งมีมากมายหลายสิบบ่อ ในเนื้อที่กว่าสิบไร่ เป็นจุดแวะพักอย่างดีสำหรับผู้ที่มาท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอฝาง
บ่อน้ำพุร้อนฝาง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกหรืออุทยานผ้าห่มปก ตำบลบ้านปิน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับที่ทำการอุทยานฯ มีพื้นที่ของบ่อน้ำร้อนถึงประมาณ 10 ไร่ด้วยกัน มีจำนวนบ่อน้ำพุร้อนอยู่ประมาณ 50 บ่อ อุณหภูมิแตกต่างกันไป อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30-80 องศาเซลเซียส ในพื้นที่จะมีทางเดินที่ถูกสร้างไว้ให้นักท่องเที่ยวเป็นปูนที่ทำเลียนแบบไม้ เข้ากับสถานที่มากๆ โดยจุดที่น่าสนใจจะเป็นจุดที่น้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาสูงที่สุดในบ่อน้ำพุร้อนฝางโดยจะพุ่งออกมาเป็นช่วงๆ ประมาณ30 นาทีต่อครั้ง สูงประมาณ 30-50 เมตรเลยทีเดียว และก็เป็นบริเวณที่อุณหภูมิของน้ำจะสูงมากด้วย
น้ำร้อนในบ่อน้ำพุร้อนฝางเกิดจากการที่น้ำในชั้นใต้ดินไหลผ่านหินร้อนหลอมเหลวหรือที่เรียกกันว่าลาวาในบริเวณใกล้เปลือกโลก ทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูง เกิดแรงดันไหลผ่านตามรอยแยกใต้พื้้นดินขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นน้ำร้อนไหลพุ่งขึ้นสู่หน้าดิน
สิ่งอำนวยความสะดวก บ่อน้ำพุร้องฝาง มีบริการค่อนข้างจะครบครันเพราะอยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานดอยฟ้าห่มปก มีร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ห้องน้ำหรือห้องสุขา สะอาดน่าใช้ และยังมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ไว้ให้บริการ หรือบ้านพักของอุทยานก็มีแต่ต้องจองล่วงหน้าสำหรับในช่วงฤดูท่องเที่ยว
การเดินทาง เดินทางจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เข้าสู่อเภอฝาง โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 ระยะทางประมาณ160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ พอเข้าสู่อำเภอฝาง สังเกตุทางแยกด้านซ้ายมือ จะมีป้ายบอกทางไป น้ำพุร้อนฝาง และอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก เดินทางขึ้นไปประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงบ่อน้ำพุร้อนฝาง
ล่องแก่ง ที่แก่งกื้ด
แก่งกื้ด สถานที่ท่องเที่ยวกิจกรรมทางน้ำแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่นิยมมากสำหรับชาวต่างชาติกับการมาล่องแก่งเรือยางกันที่นี่ สถานที่และบรรยากาศรอบๆห้อมล้อมด้วยธรรมชาติสวยงามมากๆ
แก่งกื้ด สถานที่ท่องเที่ยวกิจกรรมทางน้ำแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่นิยมมากสำหรับชาวต่างชาติกับการมาล่องแก่งเรือยางกันที่นี่ สถานที่และบรรยากาศรอบๆห้อมล้อมด้วยธรรมชาติสวยงามมากๆ เป็นสถานที่มีผู้คนแวะเวียนมาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะหน้าร้อนคนจะมากเป็นพิเศษเพื่อแวะมาพักผ่อนและเล่นน้ำ และช่วงหน้าฝนที่กระแสน้ำจะค่อนข้างแรงเหมาะแก่การล่องแก่ง และหลังจากกระแสน้ำหลากหมดไปก็จะมีแพไม้เข้ามาเพิ่มความสนุกของลำน้ำแห่งน้ำ แก่งกื้ด
กิจกรรม
• ล่องเรือยาง
• ขี่ช้าง
• ปั่นจักรยาน
• โฮมสเตย์
การเดินทางไปเที่ยวแก่งกื้ด
การเดินทางไปเที่ยวที่ แก่งกื้ด อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางอำเภอแม่ริมมุ่งหน้าขึ้นเหนือโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร จะเจอสามแยกไปอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เลี้ยงซ้ายเข้าไป ใช้เส้นทางหลวงหมายเลย 1095 ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร จะเจอสามแยกไฟแดง ผ่านสามแยกไฟแดงไปชิดขวาแล้วกลับรถแล้วชิดซ้ายมองดูทางเข้าไปทางด้านซ้าย มีป้ายองค์การบริหารส่วนตำบลกื้ดช้าง เป็นจุดสังเกตุ เดินทางเข้าไปทาง ตำบลกื้ดช้าง อีกสักสักประมาณ 20 กว่ากิโลเมตรก็ถึงที่หมาย ใช้เวลาเดินทางจากเมืองเชียงใหม่มาถึงที่นี่ แก่งกื้ด ใช้เวลาสักประมาณ 1 ชั่วโมง
ขุนช่างเคี่ยน
ขุนช่างเคี่ยน ซากุระดอย หรือนางพญาเสือโคร่ง ความสวยงามที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวเกิดใหม่ที่กำลังมีชื่อเสียงได้ไม่นาน เป็นแหล่งชมดอกซากุระหรือนางพญาเสือโคร่งที่อยู่ใกล้กับเมืองเชียงใหม่มากที่สุด
ลักษณะนางพญาเสือโคร่งเป็นสีขาวชมพู ออกดอกเป็นช่ออยู่ปลายกิ่ง ในพื้นที่หรือบริเวณที่มีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ เราจะเห็นดอยเป็นสีชมพูสะพรั่งไปทั้งดอย
ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานระหว่างเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามของซากุระดอยหรือนางพญาเสือโคร่งไปพร้อมกับสัมผัสบรรยากาศของฤดูหนาวในเชียงใหม่
การเดินทาง
1.รถยนต์ส่วนตัว
เส้นทางที่ใช้ในการเดินทางไปยังขุนช่างเคี่ยน เป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางไปดอยสุเทพและหมู่บ้านม้งดอยปุย หมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน จะอยู่ทางทิศเหนือของยอดดอยปุย ห่างจากพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ประมาณ 8 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 32 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายเชียงใหม่ - พระธาตุดอยสุเทพ
2.รถโดยสารสาธารณะ
บริเวณหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ ทางขึ้นดอยสุเทพ จะมีรถสองแถวหรือรถเเดง นักท่องเที่ยสามารถเหมารถเเดงขึ้นไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะได้
*** หากนักท่องเที่ยวต้องการเก็บบรรยากาศความงามตามธรรมชาติตามสองข้างทางขึ้นดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถจักรยานยนต์ขับขึ้นไปเอง แต่ทางค่อนข้างอันตราย ผู้ขับต้องมีความชำนาญเพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยว
ยอดดอยม่อนล้าน
ดอยม่อนล้าน ธรรมชาติแห่งขุนเขา สู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ยอดดอยที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอพร้าวได้ทั้งอำเภอ ในยามค่ำคืนนักท่องเที่ยวยังจะได้ชมดาวบนดินที่ดอยม่อนล้าน ตอนเช้าและเย็นนักท่องเที่ยวสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงาม
ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวที่สูงในจังหวัดเชียงใหม่ ดอยม่อนล้าน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ที่ยอดดอยมีความสูงเหนือน้ำทะเล 1,696 เมตร และเป็นต้นกำเนิดของน้ำแม่สะลวม น้ำห้วยโก๋น ไหลลงสู่น้ำแม่งัด จัดว่าเป็นที่รู้จักและนิยมของนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี แม้เส้นทางการไปจะลำบากอยู่บ้างในบางช่วงที่เป็นถนนดิน แต่ที่มากว่าการเป็นแหล่งดูทะเลหมอก สัมผัสอากาศหนาว เฝ้าชมพระอาทิตย์ยามขึ้นจากขอบฟ้าและลาลับเหลี่ยมเขา ซึ่งหากวันฟ้าแจ่มๆ ยังสามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาว เขื่อนแม่งัด กับตัวอำเภอพร้าว และสิ่งที่เรียกว่า "ดาวบนดิน" ซึ่งก็คือ แสงไฟจากเมืองพร้าว ที่ส่องระยิบอยู่เบื้องล่างหากมองจากบนดอยยามค่ำคืน
การเดินทาง
มีทางเลือกให้มาได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นแรกจากจังหวัดเชียงใหม่-พร้าว ทางหลวงหมายเลข 1001 ระยะทาง 94กม. แล้วมาเลี้ยวแยกขวาพร้าว-เวียงป่าเป้าทางหลวงหมายเลข 1150 ระยะทาง 53 กม. มาแยกซ้าย ที่บ้านต้นคอก ระหว่าง กม.ที่ 32-33 ถึงหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะลวม แล้วไปต่อจนถึงพื้นที่รับเสด็จ (ถนน ดิน) รวมระยะทางทั้งหมด124.5 กม.
หรือหากมาทางบ้านขุนแจ่ ผ่านโครงการหลวงแม่ปูนหลวงหน่วยจัดการต้นน้ำพร้าว บ้านแม่ปูนหลวง ไปจรดหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะลวม ได้เหมือนกัน แต่ระยะทางรวมแล้วไกลกว่าเส้นแรก แต่ไม่ว่าจะมาเส้นไหน อย่างที่เกริ่นไว้ว่า อาจลำบากในบางช่วงที่ยังเป็นถนนดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามฝนพรำ ก็เละอย่างที่เห็น แต่ก็ไม่ผิดวิสัย หากใครจะดั้นด้นไปให้ถึง เพราะชาวบ้านก็ใช้เส้นทางนี้สัญจรกันเป็นประจำ เพราะมาแล้วนอกจากได้เห็นความงามของธรรมชาติของอีกฤดูกาลแล้ว ยังได้ลิ้มรสผลิตภัณฑ์และผลิตผลทางการเกษตรกันแบบสดๆ ซึ่งเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชาวไทยภูเขา เพียงพอที่ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สมดังพระ ราชดำริฯ ในการจัดตั้งโครงการสถานีพัฒนา การเกษตรที่สูงฯ
บ้าน100อัน1000อย่าง
จากเศษซากไม้ถูกนำมาแกะสลักทีละเล็กทีละน้อย รังสรรค์เป็นศิลปะไม้แกะสลัก 3 มิติแสนล้ำค่าสุดอัศจรรย์ ด้วยสองมือของศิลปินเอกแดนล้านนาที่สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กลายเป็นอาชีพที่มั่นคง โดยผลงานที่ออกมาแสดงถึงชั้นเชิงความสามารถอันเป็นที่ยอมรับระดับประเทศ
พิพิธภัณฑ์เอกชนที่รวบรวมงานแกะสลักไม้ ซึ่งส่วนใหญ่ป็นงานไม้สัก งานแต่ละชิ้นได้รับการแกะช่างปราณีตบรรจง เช่น ไม้ขี้เหล้กครูบาศรีวิชัย ซึ่งไม้ขี้เหล้กจะเนื้อแข็งมากและแกะยากมาก อาจทำให้เสียเครื่องมือได้ ผู้แกะให้เหตุผลว่าใช้ไม้ชนิดนี้เพื่อแสดงถึงความยากลำบากที่ครูบาศรีวิชัยได้ฟันผ่า นอกจากนี้ยังมีไม้แกะพญางิ้วดำที่หายากมาก
สิ่งที่ดึงดูดให้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราต้องเดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ เกิดจากชื่อเสียงเรื่องความงดงาม และประณีตของไม้แกะสลักที่มีฝีมือยากที่จะหาดูได้ง่าย เมื่อมาถึงเข้าจอดรถด้านข้าง เตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูปก็เข้าไปติดต่อขอเข้าชม หลังจากชำระค่าเข้าชม และลงทะเบียนใสสมุดเยี่ยมเรียบร้อย ก็ได้รับการต้อนรับด้วยน้ำชาจากเจ้าหน้าที่ที่จะพาเดินชมและแนะนำงานแกะสลักต่าง ๆ ที่สะดุดตา และไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถแกะสลักได้ลึกลงไปเป็นสามมิติ (แบบที่คิดว่าคนแกะ แกะได้อย่างไร) และสวยงามมาก ชิ้นเอกด้านล่างคือไม้แกะสลักเป็นรูปหัวพญาคชสาร(จำไม่ได้ว่าแกะจากไม้อะไร) แต่ดูเหมือนจริงมาก ๆ รูปปลาอานนท์ที่เชื่อกันว่าหนุนโลกอยู่
-เปิดทุกวันตั้งแต่ 8.30-16.30 น.
-สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ บ้านร้อยอันพันอย่าง 053-355819, 053-822649
การเดินทาง
อยู่ในพื้นที่อำเภอหางดง ริมทางหลวงสาย 108 เชียงใหม่-สันป่าตอง-จอมทอง ระหว่างหลักกม.ที่ 19-20 หากมาจากเชียงใหม่จะอยู่ติดถนนฟากซ้ายมือ และจากประตูเมืองเชียงใหม่มีรถโดยสารสีเหลืองผ่านหลายสาย ได้แก่ ทุ่งเสี้ยว, หนองตอง, จอมทอง, บ้านกาด, มะขามหลวง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น